| หน้าแรก
| สารบัญ | โครงงาน
| การประกอบ
| การบัดกรี
|
เรียนอิเล็กทรอนิกส์
| อุปกรณ์
| 555 | สัญลักษณ์
| ถามบ่อยๆ
| ลิ้งค์ที่น่าสนใจ
| กลับไอซีอี
|
หากจะมีส่วนให้ความรู้ให้ประโยชน์ต่อท่านบ้าง
ติชม เสนอแนะ
ถามปัญหา
ได้ที่
ice@icelectronic.com จะขอบคุณยิ่ง
วงจรทรานซิสเตอร์
(Transistor Circuits)
หน้านี้อธิบายการทำงานของทรานซิสเตอร์ในวงจร
ด้านการปฏิบัติ
เช่น
การทดสอบ
ข้อควรระวังตอนบัดกรี
และการดูขา
จะมีรายละเอียดครอบคลุมที่หน้า
ทรานซิสเตอร์ทั่วไป: ชนิด | กระแส
| รูปแบบการทำงาน
| คู่ดาลิงตัน
สวิทชิ่ง: การแนะนำ | ใช้รีเลย์? | เอาท์พุทไอซี | สำหรับNPN | สำหรับPNP | เซนเซอร์ | อินเวอร์เตอร์
หน้าต่อไป: ระบบอนาลอกและดิจิตอล
ควรอ่าน: ทรานซิสเตอร์
(การบัดกรี,
การดูขา)ด้วย
ชนิดของทรานซิสเตอร์
|
สัญลักษณ์ทรานซิสเตอร์ |
ทรานซิสเตอร์มาตรฐานมีสองชนิดคือ
NPN และ PNP ซึ่งมีสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน
ตัวอักษรแสดงถึงชั้ของวัสดุกึ่งตัวนำที่ใช้ทำทรานซิสเตอร์
ปัจจุบันทราน
ซิสเตอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นชนิด
NPN
เนื่องจากทำง่ายจากวัสดุซิลิคอน
ดังนั้นหน้านี้ส่วนมากจึงกล่าวถึงทรานซิสเตอร์ชนิด
NPN
และหากเราเป็นมือใหม่สำหรับ
อิเล็กทรอนิกส์
เป็นการดีที่จะเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้
ถึงการใช้ทรานซิสเตอร์ก่อนขาทรานซิสเตอร์ประกอบด้วย
เบส (B), คอลเล็คเตอร์
(C) และ อิมิตเตอร์
(E)
คำที่เรียกขานี้แสดงถึงหน้าที่ภายในทรานซิสเตอร์
แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจว่าจะใช้ทรานซิสเตอร์อย่างไร
ดังนั้นก็เพียงรู้ว่าเป็นป้ายบอกขา
คู่ดาลิงตัน
คือทรานซิสเตอร์สองตัวต่อกันภายในเพื่อให้ได้เกนขยายกระแสสูงมาก
นอกจากทรานซิสเตอร์มาตรฐาน(ไบโพลาร์)ยังมีฟิลด์เอฟเฟค
ทรานซิสเตอร์
ซึ่งมักแทนด้วยตัวย่อ
FET
สัญลักษณ์และคุณสมบัติจะต่างออกไป
แต่ยังไม่กล่าวถึงรายละเอียดในหน้านี้
กระแสทรานซิสเตอร์
แผนภาพแสดงเส้นทางกระแสไฟผ่านทรานซิสเตอร์สองเส้น
เราสามารถสร้างวงจรกับ
LED
สีแดงมาตรฐานขนาด
5มม.กับทรานซิสเตอร์
NPN เอนก
ประสงค์กำลังต่ำ
(เช่น เบอร์ BC108, BC182 or BC548)กระแสเบสน้อยๆควบคุมกระแสคอลเล็คเตอร์ที่สูง
เมื่อสวิทช์ปิด
จะมีกระแสน้อยๆไหลผ่านเบส
(B)
ของทรานซิสเตอร์
พอที่จะทำให้ LED B
เรืองแสง
ทรานซิสเตอร์จะขยายกระแสน้อยๆนี้ให้มีกระแสไหล
มากผ่านคอลเล็คเตอร์
(C)
ไปยังอิมิตเตอร์
(E)
กระแสคอลเล็คเตอร์นี้มากพอทำให้
LED C สว่างมาก
เมื่อสวิทช์เปิด
ไม่มีกระแสเบสไหล
ดังนั้นทรานซิสเตอร์จึงตัดกระแสคอลเล็คเตอร์
LED
ทั้งสองก็ดับ
ทรานซิสเตอร์ขยายกระแส
และสามารถใช้เป็นสวิทช์
การจัดวงจรแบบที่มีอิมิตเตอร์
(E)
อยู่ในวงจรควบคุม
(กระแสเบส)
และในวงจรถูกควบคุม
(กระแสคอลเล็คเตอร์)
เรียกว่า โหมดคอมมอนอิมิตเตอร์
ซึ่งการจัดวงจรทรานซิสเตอร์แบบนี้มีใช้อย่าง
กว้างขวางจึงควรจะเรียนรู้ก่อน
รูปแบบการทำงานของNPN
การทำงานของทรานซิสเตอร์ยากที่จะอธิบายและทำความเข้าใจในแง่ของโครงสร้างภายใน
แต่จะช่วยได้มากเมื่อใช้รูปแบบการทำงานดังนี้:
- รอยต่อเบส-อิมิตเตอร์
เป็นเหมือน ไดโอด.
- กระแสเบส IB
ไหลเฉพาะเมื่อแรงดัน
VBE
ระหว่างเบส-อิมิตเตอร์เท่ากับ
0.7V
หรือมากกว่า
- กระแสเบส IB
น้อยๆควบคุมกระแสคอลเล็คเตอร์
IC ที่สูง
- IC = hFE × IB (เว้นแต่ทรานซิสเตอร์ต่อ(on)เต็มที่และอิ่มตัว)
hFE
คือเกนการขยายกระแส
(เป็นเกนกระแส
DC)
ค่าปรกติสำหรับ
hFE คือ 100 (ไม่มีหน่วยเพราะเป็นอัตราส่วน)
- ความต้านทานระหว่างคอลเล็คเตอร์-อิมิตเตอร์ RCE
ถูกควบคุมโดยกระแส
IB โดย:
- IB = 0 RCE =
ค่าอนันต์
ทรานซิสเตอร์ตัด(off)
- IB น้อย RCE
ลด
ทรานซิสเตอร์ต่อ
(on)บางส่วน
- IB เพิ่ม RCE = 0
ทรานซิสเตอร์ต่อ(on)เต็มที่
(อิ่มตัว'saturated')
หมายเหตุเพิ่มเติม:
- จำเป็นต้องต่อตัวต้านทานอนุกรมกับเบส
เพื่อจำกัดกระแสเบส
IB
และป้องกันทรานซิสเตอร์เสียหาย
- ทรานซิสเตอร์มีค่าอัตรากระแสคอลเล็คเตอร์
IC สูงสุด
- เกนของกระแส
hFE สามารถมีค่าแตกต่างกัน
ถึงจะเป็นชนิดเดียวกัน
- ทรานซิสเตอร์ที่ต่อ(on)เต็มที่
(เมื่อ RCE = 0)
เรียกว่าอิ่มตัว
(saturated)
- เมื่อทรานซิสเตอร์อิ่มตัว
แรงดันอิมิตเตอร์-คอลเล็คเตอร์
VCE จะลดเป็น 0V
- เมื่อทรานซิสเตอร์อิ่มตัวกระแสคอลเล็คเตอร์
IC
ถูกกำหนดโดยแรงดันแหล่งจ่ายและความต้านทานภายนอกในวงจรคอลเล็คเตอร์
ไม่เกี่ยวกับเกนกระแสของทรานซิสเตอร์
ด้วยเหตุนี้อัตรา
ส่วน IC/IB
ของทรานซิสเตอร์อิ่มตัวจึงน้อยกว่าเกนกระแส
hFE
- กระแสอิมิตเตอร์
IE = IC + IB แต่ IC
จะมากกว่า IB
มาก
หรือถ้าคิดคร่าวๆ
IE = IC
มีตารางข้อมูลเทคนิคแสดงสำหรับทรานซิสเตอร์ยอดนิยมในหน้า ทรานซิสเตอร์
|
|
วงจรสวิทช์สัมผัส |
คู่ดาลิงตัน
ทรานซิสเตอร์สองตัวต่อด้วยกันดังรูป
ทำให้กระแสที่ขยายด้วยตัวแรกถูกขยายต่อด้วยทรานซิสเตอร์ตัวที่สอง
เกนการขยายกระแสรวมจะเท่ากับเกนของ
แต่ละตัวคูณกัน:เกนกระแสของคู่ดาลิงตัน hFE = hFE1 × hFE2
(hFE1 และ hFE2
คือเกนของทรานซิสเตอร์แต่ละตัว)
ด้วยเหตุนี้ทำให้คู่ดาลิงตันมีเกนกระแสสูงมาก
เช่น 10000
ดังนั้นจึงต้องการกระแสเบสเพียงเล็กน้อยก็ทำให้คู่ดาลิงตันสวิทช์ต่อได้
คู่ดาลิงตันแทนทรานซิสเตอร์ตัวเดียวที่มีเกนกระแสสูงมาก
มีสามขาเช่นกัน
(B, C และ E)
ซึ่งเทียบเท่ากับขาของทรานซิสเตอร์ตัวเดียว
ถ้าจะให้
คู่ดาลิงตันทำงานต้องมีแรงดัน
0.7Vระหว่างรอยต่อเบส-อิมิตเตอร์ของทั้งคู่ซึ่งต่ออนุกรมกันภายใน
ดังนั้นจึงต้องใช้
1.4V
เพื่อให้เปิด(on)
คู่ดาลิงตันสามารถหาได้เป็นแพคเกจสำเร็จรูป
แต่ก็สามรถทำเองได้เองจากทรานซิสเตอร์สองตัว
TR1
เป็นชนิดกำลังต่ำส่วน
TR2
ปกติต้องการกำลังสูง
กระแสคอลเล็คเตอร์สูงสุด
IC(max)ของคู่ดาลิงตันจะเท่ากับ
IC(max) ของ TR2.
คู่ดาลิงตันค่อนข้างจะไวต่อกระแสน้อยๆที่ไหลผ่านผิวเรา
จึงสามารถใช้ทำเป็นวงจรสวิทช์สัมผัสดังแสดงในแผนภาพ
สำหรับวงจรนี้ใช้ทรานซิสเตอร์
เอนก
ประสงค์กำลังต่ำสองตัวเมื่อเราแตะสัมผัสจะทำ
LED ติด
ตัวต้านทาน 100k
มีไว้จำกัดกระแสเบส
การใช้ทรานซิสเตอร์เป็นสวิทช์
เมื่อทรานซิสเตอร์เป็นสวิทช์ต้องทำหน้าที่ตัด
(OFF) หรือ ต่อ (ON)
ในสภาวะต่อ(ON)
แรงดัน VCE
คร่อมทรานซิสเตอร์เกือบศูนย์
และเราเรียกว่า
ทรานซิสเตอร์อิ่มตัว(saturated)
เพราะว่าไม่สามารถมีกระแสคอลเล็คเตอร์
IC
มากกว่านี้อีกแล้ว
อุปกรณ์เอาท์พุทที่ถูกสวิทช์ต่อโดยทรานซิสเตอร์นี้
เรียกว่าโหลดกำลังที่เกิดขึ้นในทรานซิสเตอร์สวิทช์นั้นต่ำมาก:
- ในสภาวะตัด (OFF)
: กำลัง = IC × VCE,
แต่ IC
= 0,
ดังนั้นกำลังจึงเป็นศูนย์
- ในสภาวะต่อ
(ON) : กำลัง = IC × VCE,
แต่ VCE = 0 (ส่วนมาก),
ดังนั้นกำลังจึงต่ำมาก
นั่นหมายความว่าทรานซิสเตอร์ที่ใช้จะไม่ร้อน
จึงไม่ต้องคำนึงถึงอัตรากำลังสูงสุด
แต่อัตราที่สำคัญในวงจรสวิทชิ่งก็คือ
กระแสคอลเล็คเตอร์สูงสุด IC(max)
และ เกนกระแสต่ำสุด
hFE(min)
อัตราแรงดันของทรานซิสเตอร์คงไม่ต้องคำนึงถึงยกเว้นแต่หากใช้กับแหล่งจ่ายไฟสูงกว่า
15V เรามีตาราง
แสดงข้อมูลทางเทคนิคของทรานซิสเตอร์ที่นิยมใช้บ่อยๆในหน้า ทรานซิสเตอร์
สำำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของทรานซิสเตอร์กรุณาดูที่
รูปแบบการทำงาน
ด้านบน
ไดโอดป้องกัน
หากโหลดเป็น มอเตอร์,
รีเลย์ หรือ โซลินอยด์
(หรืออุปกรณ์อื่นๆที่เป็นขดลวด)
จะต้องต่อ ไดโอด
คร่อมโหลดเพื่อป้องกันทรานซิสเตอร์(และไอซี)
เสียหายตอนตัด(off)โหลด
ในแผนภาพแสดงการต่อกลับขั้วไดโอดซึ่งตอนปรกติจะไม่นำกระแส
การนำกระแสเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อโหลดถูกตัด(off)
ซึ่งในตอนนั้นกระแสที่เกิดการสะสมพลังงานในขดลวดพยายามที่จะไหลผ่านขดลวด
และเนื่องจากทรานซิสเตอร์อยู่ในสภาวะตัด(off)
กระแสจึงไหล
ผ่านไปทางไดโอด
หากไม่มีไดโอด
กระแสก็ไม่สามารถไหลได้
ขดลวดจะผลิตแรงดันสูง(spike)ที่เป็นอันตรายและพยายามที่จะไหลให้ได้
เมื่อไหร่ใช้
รีเลย์
|
|
รีเลย์
|
ทรานซิสเตอร์ไม่สามารถสวิทช์ไฟ
AC หรือ
ไฟแรงดันสูง (เช่นไฟบ้าน)
และก็ไม่เหมาะที่จะใช้เพื่อสวิทช์ที่กระแสสูงๆ
(> 5A)
ในกรณีนี้ต้องใช้
รีเลย์
แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้ทรานซิสเตอร์กำลังต่ำทำหน้าที่สวิทช์กระแสสำหรับขดลวดรีเลย์
ประโยชน์ของรีเลย์:
- รีเลย์สามารถสวิทช์ไฟ
AC และ DC,
ทรานซิสเตอร์สามารถสวิทช์เฉพาะไฟ
DC
- รีเลย์สามารถสวิทช์ไฟ
แรงดันสูง,
ทรานซิสเตอร์ทำไม่ได้
- รีเลย์เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในการสวิทช์ไฟ
กระแสสูง (> 5A).
- รีเลย์สามารถสวิทช์
หลายๆคอนแทคท์พร้อมกัน
ข้อเสียของรีเลย์:
- รีเลย์ ใหญ่เกินไป
เมื่อเทียบกับทรานซิสเตอร์ในการสวิทช์กระแสน้อยๆ
- รีเลย์ ไม่สามารถสวิทช์ด้วยความเร็ว,
ทรานซิสเตอร์สามารถสวิทช์หลายครั้งต่อวินาที
- รีเลย์ ต้องใช้กำลังมากกว่า
ดูจากกระแสที่ไหลผ่านขดลวด
- รีเลย์ ต้องการกระแสมากเกินที่ไอซีจะขับได้,
ดังนั้นจำเป็นต้องใช้ทรานซิสเตอร์กำลังต่ำในการสวิทช์กระแสขดลวดรีเลย์้
การต่อทรานซิสเตอร์กับเอาท์พุทจากไอซี
เอาท์พุทของไอซีส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายกระแสได้มาก
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ทรานซิสเตอร์
เพื่อสวิทช์กระแสที่สูงพอสำหรับอุปกรณ์เอาท์พุท
เช่น หลอด
มอเตอร์
และรีเลย์
แต่ไอซีไทเมอร์
เบอร์ 555
ปกติสามารถจ่ายกระแสได้สูงถึง
200mA
ซึ่งสูงพอสำหรับอุปกรณ์เอาท์พุทที่ต้องการกระแสไม่สูงนัก
เช่น หลอด ออด
หรือรีเลย์
โดยไม่ต้องใช้ทรานซิสเตอร์ช่วยตัวต้านทาน
RB
มีไว้เพื่อจำกัดกระแสที่ไหลเข้าเบสของทรานซิสเตอร์
และป้องกันไม่ให้เสียหาย
อย่างไรก็ตาม
RB
ต้องต่ำพอเพื่อให้มั่นใจว่าทรานซิสเตอร์จะอิ่มตัวป้องกันไม่ให้ร้อนมาก
นี่เป็น
สิ่งสำคัญหากทรานซิสเตอร์สวิทช์ที่กระแสสูง(>
100mA)
ปลอดภัยที่สุดกระแสเบส
IB
ต้องสูงกว่าห้าเท่าของกระแสที่ทำให้ทรานซิสเตอร์อิ่มตัว
การเลือกทรานซิสเตอร์
NPN ที่เหมาะสม
แผนภาพวงจรแสดงการต่อทรานซิสเตอร์
NPN
วงจรนี้จะสวิทช์ให้โหลดต่อเมื่อเอาท์พุทจากไอซีสูง
(+Vs)
ในทางกลับกันหากต้องการให้โหลดต่อเมื่อเอาท์พุทจากไอซีต่ำ
(0V)
ให้ดูที่วงจร
สำหรับ ทรานซิสเตอร์
PNP ทรานซิสเตอร์
ด้านล่างขั้นตอนด้านล่างจะอธิบายวิธีเลือกสวิทชิ่งทรานซิสเตอร์ที่เหมาะสม
- กระแสคอลเล็คเตอร์สูงสุด IC(max)
ของทรานซิสเตอร์ต้องมากกว่ากระแสโหลด
IC
กระแสโหลด
IC = |
แรงดันแหล่งจ่าย
Vs |
ความต้านทานโหลดRL |
- เกนกระแสต่ำสุด
hFE(min)
ของทรานซิสเตอร์อย่างน้อยต้องเป็นห้าเท่าของกระแสโหลด
IC
หารด้วยกระแสเอาท์พุทสูงสุดของไอซี(chip)
hFE(min) > 5 ×
|
กระแสโหลด
IC |
กระแสไอซีสูงสุด |
- เลือกทรานซิสเตอร์
ซึ่งตรงกับความต้องการเหล่านี้และบันทึกคุณสมบัติ: IC(max)
และ hFE(min)
มีตารางแสดงข้อมูลทางเทคนิคของทรานซิสเตอร์ที่นิยมใช้บางเบอร์ที่หน้า ทรานซิสเตอร์
- คำนวณค่าโดยประมาณสำหรับตัวต้านทานที่เบส:
RB = 0.2 × RL × hFE
หรือ RB = |
Vs × hFE |
5 × IC |
และเลือกค่ามาตรฐานที่ใกล้เคียงที่สุด
- สุดท้าย,
ต้องจำว่าหากโหลดเป็นมอเตอร์หรือขดลวดรีเลย์
ต้องต่อ ไดโอดป้องกัน
ด้วย
ตัวอย่าง
เอาท์พุทจากไอซี
CMOS อนุกรม 4000
ต้องการขับรีเลย์คอยล์
100
แรงดันแหล่งจ่าย
6V
และไอซีสามารถจ่ายกระแสสูงสุด
5mA
- กระแสโหลด
= Vs/RL = 6/100 = 0.06A = 60mA,
ดังนั้นทรานซิสเตอร์ต้องจ่ายกระแส
IC(max) > 60mA
- กระแสสูงสุดจากไอซีคือ
5mA,
ดังนั้นทรานซิสเตอร์จะต้องมี
hFE(min)
> 60 (5 × 60mA/5mA).
- เลือกทรานซิสเตอร์กำลังต่ำเอนกประสงค์เบอร์
BC182
มี IC(max) = 100mA
และ hFE(min) = 100
- RB = 0.2 × RL × hFE = 0.2 × 100 × 100
= 2000
ดังนั้นเลือก
RB = 1k8 or 2k2
- คอยล์รีเลย์ต้องการ
ไดโอดป้องกัน
|
PNP
ทรานซิสเตอร์สวิทช์
(โหลดต่อเมื่อเอาท์พุทจากไอซีต่ำ) |
การเลือกทรานซิสเตอร์
PNP ที่เหมาะสม
แผนภาพวงจรแสดงการต่อทรานซิสเตอร์
PNP
วงจรนี้จะสวิทช์ต่อโหลดเมื่อเอาท์พุทไอซีต่ำ
(0V)
ในทางกลับกันหากต้องการให้สวิทช์ต่อโหลดเมื่อ
เอาท์พุทไอซีสูง
(+Vs)
กรุณาดูวงจรสำหรับ
ทรานซิสเตอร์
NPN ด้านบนขั้นตอนการเลือกทรานซิสเตอร์ PNP
ที่เหมาะสมคล้ายกับการเลือกทรานซิสเตอร์
NPN
ที่อธิบายด้านบน
การใช้ทรานซิสเตอร์สวิทช์กับเซนเซอร์
|
LED
ติดเมื่อ LDR
รับความมืด |
|
LED
ติดเมื่อ LDR
รับแสงสว่าง
|
วงจรแผนภาพด้านบนแสดงการต่อ
LDR
(เซนเซอร์แสง)
เพื่อให้ LED
ติดเมื่อ LDR
ได้รับความมืด
ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้สำหรับปรับให้สวิทช์ตัดต่อ
ตามความสว่างท่ีเราต้องการ
ทรานซิสเตอร์เอนกประสงค์กำลังต่ำทั่วไปสามารถใช้กับวงจรนี้ได้ ตัวต้านทานค่าคงที่
10k
มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสเบสสูงเกินไป(ซึ่งอาจจะทำให้มันเสียได้)
เมื่อตัวต้านทานปรับค่าได้ถูกลดค่าเป็นศูนย์
เพื่อที่จะให้
การสวิทช์ของวงจรนี้ทำงานเหมาะสมตามความสว่างของแสงที่เราต้องการ
อาจต้องทดลองเลือกค่าความต้านทานคงที่ร่วมกับการปรับค่าตัวต้านทาน
แบบปรับค่าได้
แต่ต้องไม่น้อยกว่า
1k
หากทรานซิสเตอร์สวิทช์โหลดที่เป็นขดลวด
เช่น
มอเตอร์หรือรีเลย์
อย่าลืมเพิ่ม
ไดโอดป้องกัน
คร่อมโหลด
การสวิทช์สามารถทำงานในทางกลับกัน
คือทำให้ LED
ติดเมื่อ LDR
ได้รับแสงสว่าง
โดยการสลับที่กันระหว่าง
LDR
และตัวต้านทานเปลี่ยนค่าได้
ส่วนตัวต้านทานค่าคงที่ตัดทิ้งไปได้เพราะความต้านทานของ
LDR
ไม่สามารถลดค่าจนเป็นศูนย์อยู่แล้ว
ต้องเข้าใจว่าการทำงานสวิทชิ่งของวงจรนี้มิได้ดีเยี่ยม
เพราะในกรณีความสว่างของแสงอยู่ที่กลางๆ
ทรานซิสเตอร์จะต่อ(on)บางส่วน(ไม่อิ่มตัว)
ในสภาวะนี้ทรานซิิสเตอร์จะร้อนเกินไปและเป็นอันตราย
นอกจากเป็นการสวิทช์ที่กระแสต่ำๆ
เช่น
ไม่เป็นปัญหาสำหรับกระแสน้อยๆของ
LED
แต่ถ้ากระแสมากสำหรับหลอด
มอเตอร์หรือรีเลย์
อาจก่อให้เกิดความร้อนสูงเกินไป
เซนเซอร์แบบอื่น
เช่น เทอร์มิสเตอร์
สามารถใช้กับวงจรนี้ได้เช่นกัน
แต่อาจต้องใช้ตัวต้านทานปรับได้ค่าอื่น
เราสามารถคำนวณค่าโดยประมาณของตัว
ต้านทานปรับได้(Rv)
โดยใช้ มัลติมิเตอร์
วัดหาค่าความต้านทานต่ำสุดและสูงสุด(Rmin
และ Rmax)ของเซนเซอร์:
ตัวต้านทานเปลี่ยนค่าได้
Rv =
รากที่สองของ
(Rmin × Rmax)
ตัวอย่างเช่น
LDR: Rmin = 100,
Rmax = 1M,
ดังนั้น Rv
=
รากที่สองของ (100 × 1M) = 10k.
เราสามารถสร้างวงจรสวิทชิ่งที่ดีกว่าโดยต่อเซนเซอร์กับไอซี
ซึ่งการสวิทช์จะคมกว่าไม่มีสภาวะต่อ(on)บางส่วนที่ทำให้เกิดความร้อน
ทรานซิสเตอร์อินเวอร์เตอร์
(NOT เกท)
อินเวอร์เตอร์
(NOTเกท)
หาได้จากไอซีโลจิก
แต่เราสามารถสร้างอินเวอร์เตอร์ง่ายๆจากทรานซิสเตอร์ดังวงจรนี้
สัญญาณเอาท์พุท
(แรงดัน)จะกลับกัน
กับสัญญาณอินพุท
:
- เมื่ออินพุทสูง
(+Vs)
เอาท์พุทจะต่ำ
(0V).
- เมื่ออินพุทต่ำ
(0V)
เอาท์พุทจะสูง
(+Vs).
ทรานซิสเตอร์
NPN
เอนกประสงค์กำลังต่ำทั่วๆไปสามารถใช้ได้
สำหรับโดยทั่วไปใช้
RB = 10k
และ RC = 1k
เอาท์พุทของอินเวอร์เตอร์สามารถต่อ
กับอุปกรณ์ที่มีอินพุทอิมพิแดนซ์
(ความต้านทาน)
อย่างน้อย 10k
เช่นไอซีโลจิกหรือไทเมอร์
555 (ทริกเกอร์และรีเซท
อินพุท)หากเราต่อเข้ากับอินพุทของไอซีโลจิกชนิด
CMOS (อิมพิแดนซ์สูงมาก)
เราสามารถเพิ่ม
RB ได้ถึง 100k
และ RC ได้ถึง 10k
ซึ่งจะช่วยลดกระแสที่ใช้
กับอินเวอร์เตอร์ด้วย
หน้าต่อไป: ระบบอนาลอกและดิจดตอล
| เรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์
ไอซีอีแปลและเรียบเรียง
เพื่อเผยแพร่สำหรับคนไทย
ผู้ที่มีอิเล็กทรอนิกส์ในหัวใจ
ขอขอบคุณ Mr. James Hewes