หน้าต่อไป:
แหล่งจ่ายไฟ
ควรดู: เอซี.ดีซี
และสัญญาณไฟฟ้า
ดัวย
ออสซิลโลสโคปเป็นเครื่องมือวัดซึ่งจะทำให้เราเห็นรูปร่างของสัญญาณไฟฟ้าโดยแสดงเป็นกราฟของแรงดันบนแกนเวลาที่จอภาพ
สัญลักษณ์ของออสซิลโลสโคปที่ใช้ในวงจร |
หลอดรังสีแคโทดออสซิลโลสโคป (CRO) |
ออสซิลโลสโคปที่ใช้หลอดสูญญากาศ(CRO)จะมีปืนอิเล็กตรอน(electron
gun)ซึ่งประกอบด้วย
แคโทด (ขั้วลบ)
ที่ปลายข้างหนึ่ง
เพื่อยิง
อิเล็กตรอนและ
แอโนด (ขั้วบวก)ที่ปลายอีกข้าง
เพื่อเร่งการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนให้รวดเร็วไปยังจอ
นอกจากนี้หลอดยังมีขั้วสำหรับ
ทำหน้าที่เบี่ยงเบนลำอิเล็กตรอน
ให้ไปทางซ้าย-ขวา
บน-ล่าง
ด้วยเหตุที่แคโทดเป็นตัวยิงอิเล็กตรอนเราจึงเรียกอิเล็กตรอนนี้ว่ารังสีแคโทด
(cathode ray)และออสซลโลสโคปที่ใช้หลอดชนิดนี้จึงเรียกว่ารังสีแคโทดออสซิลโลสโคป(Cathode
Ray Oscilloscope)หรือ CRO
ปัจจุบัน CRO ไม่นิยมใช้กันแล้ว และหลอด CRT ก็เลิกผลิต จอ LCD กลับมาแทนที่สำหรับดิจิตอลออสซิลโลสโคปรุ่นใหม่ๆ
|
|
ดิจิตอลออสซิลโลสโคป |
ออสซิลโลสโคปแบบรอยเส้นคู่(dual
trace)หรือ2ช่องสามารถแสดงกราฟสัญญาณสองรอย
บนจอ
ทำให้สะดวกในการใช้งาน
เช่น
การวัดเปรียบเทียบสัญญาณเข้าและออกของเครื่อง
ขยายได้ง่ายเป็นต้น
แต่ราคาเครื่องก็แพงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันดิจิตอลออสซิล
โลสโคป
มีให้เลือกมากกว่า
2 ช่อง
สามารถแสดงกราฟได้หลากสี
มีฟังชั่นการใช้งานมากมาย
ขนาดก็บาง
น้ำหนักเบา
กินไฟน้อย
แต่ราคายังคงแพงอยู่
การปรับแต่ง
ออสซิโลสโคป
ออสซิลโลสโคปเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างซับซ้อนใช้ยากมีปุ่มปรับมากและต้องมีการปรับตั้งก่อนใช้งาน
รอยเส้นจะหายไปจากจอง่ายหากปรับไม่ถูกต้อง
ปุ่มปรับต่างๆของออสซิลโลสโคปตลอด
จนชื่อเรียกจะคล้ายกันทุกยี่ห้อ
คำแนะนำการใช้ต่อไปนี้อาจต้องปรับเปลี่ยนบ้างเพื่อให้เหมาะ้ที่จะใช้กับออสซิลโลสโคปที่ท่านมีใช้อยู่
นี่คือสิ่งที่เราจะเห็นหลังจากปรับตั้งแล้ว โดยยังไม่ต่อสัญญาณเข้า |
โครงสร้างของสายโคแอกเซี่ยล |
สายออสซิลโลสโคปและชุดโปรบคิท |
ขั้วต่ออินพุท Y ของออสซิลโลสโคปโดยทั่วไปเป็นซ็อคเกทแบบ BNC สามารถต่อสายเข้าโดยการเสียบแล้วก็หมุน ตอนถอดออกก็หมุนกลับแล้วก็ดึง ออสซิลโลสโคปตามโรงเรียนมักใช้สายต่ออินพุทเป็นสายดำ-แดง ใช้กับซ็อคเกท 4mm ธรรมดา ไม่มีสกรีน ซึ่งสายปลั๊ก4mm ธรรมดาก็สามารถใช้ได้ หากจำเป็น
แต่สำหรับมืออาชีพจะใช้สายและโปรบคิทที่ออกแบบมาพิเศษเฉพาะซึ่งเป็นผลดีเมื่อวัดสัญญาณความถี่สูงและทดสอบกับวงจรที่มีความต้านทานสูง แต่ก็ไม่จำเป็นสำหรับงานธรรมดาในย่านความถี่เสียง(สูงถึง 20kHz).
การต่อออสซิลโลสโคปก็เหมือนกับการต่อ โวลท์มิเตอร์ แต่ต้องพึงระวังว่าสายสกรีน (สีดำ) ของสายอินพุทได้ถูกต่อกับสายดินหลักที่ตัว ออสซิลโลสโคป นั่นหมายถึงว่าสายนี้จะต้องต่อลงดินหรือ 0V บนวงจรที่ทดสอบด้วย
รูปคลื่นของสัญญาณเอซี
เมื่อ ปรับตั้งปุ่มควบคุมต่างๆถูกต้อง |
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปุ่มควบคุม: ฐานเวลา(Timebase) | Y แอมปลิไฟเออร์ | AC/GND/DC สวิทช์
นอกจากนี้คุณสมบัติที่แสดงบนกราฟจะมีความถี่ ซึ่งคือจำนวนรอบต่อวินาที
แผนภาพแสดงคลื่นซายน์ซึ่งคุณสมบัติเหล่าินี้นำไปใช้กับสัญญาณอื่นๆที่มีรูปร่างคงที่
ความถี่ = | 1 | และ | คาบเวลา = | 1 |
คาบเวลา | ความถี่ |
รูปคลื่นสัญญาณเอซี Y แอมปลิไฟเออร์: 2V/cm ฐานเวลา: 5ms/cm ตัวอย่างการวัด: แรงดันยอดถึงยอด
= 8.4V คาบเวลา
= 20ms |
หากต้องการอ่านขนาดแรงดันโดยตรงเราจะต้องตรวจสอบหาตำแหน่ง
0V (ปกติจะอยู่ที่ครึ่งบนจอ):
เลื่อนสวิทช์
AC/GND/DC
ไปที่ตำแหน่ง
GND (0V)
และปรับปุ่ม
Y-SHIFT (ขึ้น/ลง)เลื่อนตำแหน่ง
รอยเส้นหากจำเป็น
, จากนั้นปรับสวิทช์กลับไปที่
DC
จะมองเห็นสัญญาณอีกครั้ง
แรงดัน =
ระยะทางเป็น cm ×
แรงดัน/cm
ตัวอย่าง:
แรงดันยอดถึงยอด
= 4.2cm × 2V/cm = 8.4V
ขนาด (แรงดันยอด) = ½ ×
แรงดันยอดถึงยอด
= 4.2V
ต้องแน่ใจว่าปรับปุ่มฐานเวลาไปที่ 1 หรือ CAL (แคลลิเบรท) ก่อนที่จะอ่านค่าเวลา
เวลา =
ระยะทางเป็น cm ×
เวลา/cm
ตัวอย่าง:
ช่วงเวลา = 4.0cm × 5ms/cm = 20ms
และ
ความถี่ = 1/ช่วงเวลา
= 1/20ms
= 50Hz
ฐานเวลาช้า,ไม่มีอินพุท จะมองเห็นเป็นจุดเคลื่นที่ |
ฐานเวลาเร็ว,
ไม่มีอินพุท จุดจะเคลื่อนที่เร็วจนมอง เห็นเป็นเส้น |
หากตั้งฐานเวลาช้า (เช่น 50ms/cm) เราจะมองเห็นจุดเคลื่อนที่ข้ามจอ แต่ถ้าตั้งฐานเวลาเร็ว (เช่น 1ms/cm) จุดจะเคลื่อนที่เร็วจึงปรากฎเห็นเป็นเส้น
ปุ่มปรับฐานเวลา VARIABLE สำหรับปรับความเร็วละเอียด แต่จะต้องตั้งไว้ที่ตำแหน่ง 1 หรือ CAL (แคลลิเบรท) หากเราต้องการอ่านค่าเวลาจากรอยเส้น บนจอที่ถูกต้อง
ปุ่มควบคุมทริกเกอร์(TRIGGER)ปรับช่วยรักษาความแน่นอนของรอยเส้นบนจอ
หากปรับไม่ถูกจะเห็นรอยเส้นขยับเลื่อนไปด้านข้าง
เกิดรอยเส้นลวกๆสบสนบนจอ
หรือไม่ก็หายไปเลย
ทริกเกอร์คงรักษาความแน่นอนของรอยเส้น
ตั้งแต่จุดเริ่มกวาดข้ามจอจนสัญญาณอินพุทกลับมาถึงจุดเดิมทุกรอบเวลา
สำหรับการใช้งานอย่างตรงไปตรงมา
ดีที่สุดคือตั้งระดับทริกเกอร์ไว้ที่
AUTO
แต่หากเห็นว่ารอยเส้นไม่ค่อยจะนิ่ง
ขยับด้านข้างอยู่เรื่อยก็ค่อยๆปรับปุ่มทริกเกอร์
ช่วยได้
DCเปลี่ยนแปลง
(ทางบวก) |
ปุ่มควบคุมY แอมปลิไฟเออร์จะมีป้ายกำกับว่า Y-GAIN หรือ VOLTS/CM.
แรงดันอินพุทเลื่อนจุดขึ้นและลง
ในขณะเดียวกันก็กวาดข้ามจอ
นั่นหมายถึงรอยเส้นบนจอคือกราฟของแรงดัน
(แกน-y) ตาม เวลา
(แกน-x)ของสัญญาณอินพุท
สวิทช์ไปที่
GND
ทำให้สามารถตรวจ สอบตำแหน่ง 0Vได้รวดเร็ว (ปกติจะอยู่ที่ครึ่งทางขึ้น) |
สวิทช์ตำแหน่ง GND (ดิน) เท่ากับต่ออินพุท Y เข้ากับ 0V และทำให้เราตรวจสอบตำแหน่ง 0V บนจอได้รวดเร็ว(ปกติจะอยู่ที่ครึ่งทางขึ้น) ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้อง ถอดสายสัญญาณอินพุทออก เพราะว่ามัันมีการตัดต่อภายในแล้ว
สวิทช์ไปที่ตำแหน่ง AC จะมีการต่อตัวเก็บประจุอนุกรมกับอินพุทเพื่อบล็อคสัญญาณ DC ใดๆไม่ให้ผ่านเข้ายกเว้นสัญญาณ AC การใช้วิธีนี้เพื่อดูสัญญาณค่าคงที่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่นพริ้ว(ripple)ที่เอาท์พุทของแหล่งจ่ายไฟดีซี การปรับลด VOLTS/CM เพื่อดูรายละเอียดของพริ้ว ปกติจะทำให้ รอยเส้นหายไป จากจอ การตั้งที่ AC จะเคลื่อนส่วนสัญญาณคงที่ (DC)ออกไป ทำให้เราสามารถมองเห็นส่วนที่เปลี่ยนแปลง (AC)ได้ และ ตอนนี้เราก็สามารถ ลดVOLTS/CM. เพื่อให้เห็น ชัดยิ่งขึ้น ดังแสดงในแผนภาพด้านล่าง:
แสดงสัญญาณพริ้ว(ripple)โดย AC สวิทช์ | ||
สวิทช์อยู่ทีตำแหน่ง่DCปกติ ส่วนพริ้วยากที่จะมองเห็น แต่ หากลดVOLTS/CMเพื่อขยาย รอยเส้นจะหายไปจากจอ |
สวิทช์เลื่อนไปที่ตำแหน่ง
AC ส่วนที่คงที่(DC) จะถูกเคลื่อนออก คงเหลือแต่ส่วนพริ้ว(AC) |
ลดVOLTS/CM
เพื่อขยายพริ้ว ตอนนี้พริ้วสามารถมองเห็นได้ชัด |